ฉีดไขมัน เทรนด์ฮิต หน้าเด็ก หน้าอิ่ม 2021

 ใครๆก็อยากหน้าเด็ก หน้าอิ่ม ไม่ซูบผอม เห็นแล้วน่าหอม นุ่มนิ่ม ไร้ริ้วรอย สดชื่น ลงทุนทีเดียวไม่ต้องทำบ่อยๆ เหมือนฟิลเลอร์ การฉีดไขมัน คือ คำตอบค่ะ
 

 

การฉีดไขมันคืออะไร?

การฉีดไขมัน เหมือนการฉีดฟิลเลอร์ แต่เป็นฟิลเลอร์ Forever คืออยู่ได้นานทนถาวรกว่า ไม่ต้องเติมบ่อยๆ การฉีดไขมันเป็นการนำเอาไขมันของเราในส่วนต่างๆ เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก นำไขมันตรงนั้นมาเติมเต็มส่วนต่างๆบนใบหน้าหรือส่วนอื่นๆ

 

 

การฉีดไขมันเติมเต็มส่วนไหนได้บ้าง

ริ้วรอยต่างๆ ตีนกา ร่องแก้ม หน้าตาล่างบางหย่อนคล้อย

  • หน้าผาก คาง แก้ม ขมับ
  • ทำดอลลี่อาย
  • ลบรอยซิลิโคนบนหน้าอกหลังศัลยกรรม

 

ไขมันที่ใช้ในการฉีดไขมัน

ไขมันที่ใช้ในการฉีดไขมัน มีความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเซลล์เข้ากันไม่ได้ และไม่เกิดเกิดอาการแพ้ หรืออื่นๆ เพราะใช้เซลล์ไขมันจากตัวผู้รักษาเอง เป็นเนื้อเยื่อที่ยังมีชีวิต มีสเต็มเซลล์ จะช่วยฟื้นฟูสภาพความมีชีวิตชีวาของผิวหน้าและผิวบริเวณนั้นให้ดูอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ

 

 

หลักการฉีดไขมัน

แพทย์จะดูดไขมันส่วนเกินที่มีอยู่จากร่างกาย ด้วยหัวดูดที่มีรูขนาดเล็กร่วมกับ กระบอกดูดหรือไซริงค์ขนาดเล็ก ดูดช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ไขมันเสียหาย จึงได้ไขมันจากตัวผู้รักษาเอง ที่มีคุณภาพสูง และยังมีชีวิต

เมื่อได้ไขมันที่ใช้สำหรับการฉีดไขมันแล้ว แพทย์จะนำไขมันเหล่านั้นมาปั่นแยก แต่ยังคงคุณภาพสูงเช่นเดิม ให้เซลล์ไขมันเหล่านั้นมีขนาดเล็กลง และแพทย์จะฉีดเข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสมที่ต้องการเติมเต็ม ด้วยเข็มขนาดเล็ก

การเลือกตำแหน่งในการฉีดไขมัน ต้อง ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและการศัลยกรรมเพราะ ส่งผลต่อการจัดเรียงตัวของไขมันใต้ชั้นผิวหน้า และความเรียบเนียนหลังทำไม่เป็นคลื่นหรือเป็นก้อน

หลังการฉีดไขมันจะทิ้งร่องรอยแผลเพียง 2 มิลลิเมตร และมีอาการบวมอยู่ประมาณ 1-2 วัน ผลลัพธ์จะค่อยๆชัดเจนและสมบูรณ์ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เท่านั้นค่ะ

 

 

ฉีดไขมันแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีดไขมันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่ได้นานนับปี ไม่ต้องเติมซ้ำบ่อยๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้รักษาด้วย ว่ามีอัตราการเผาผลาญไขมันเร็วแค่ไหน หรือการอ้วนขึ้นผอมลงก็เปลี่ยนระดับไขมันในร่างกายด้วยค่ะ

การเตรียมตัวก่อนฉีดไขมัน

  1. ตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อให้คุณหมอดูอาการข้างเคียงหรือข้อยกเว้นต่างๆในการฉีด
  2. งดยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน และ แอลกอฮอล์ บุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
  3. งดวิตามินและอาหารเสริมที่มีผลต่อการบวมช้ำของแผล เช่น วิตามิน A วิตามิน E น้ำมันตับปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด